รีวิวภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ความบันเทิงที่ชมได้ทุกเพศทุกวัย

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ความบันเทิงที่ชมได้ทุกเพศทุกวัย

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ความบันเทิงที่ชมได้ทุกเพศทุกวัย เมื่อหลายปีก่อนมีละครเรื่องหนึ่งที่สร้างปรากฎการณ์ “ออเจ้าฟีเวอร์” จนถึงมีการรวมตัวแต่งชุดไทยกันอย่างสวยงาม ละครเรื่องดังกล่าวชื่อ บุพเพสันนิวาส ที่มีจุดเด่นเป็นการสอดแทรกเนื้อหาความรักข้ามยุคสมัยควบคู่กับการสอดรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ บัดนี้ปี พ.ศ. 2565 เรื่องราวถูกสานต่อบนภาพยนตร์จอเงินและกำลังทำรายได้อย่างมหาศาล

ข้อมูลเบื้องต้น

กำกับโดย อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ฉายครั้งแรกเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 46 นาที โดยมีนักแสดงหลัก เช่น 1. ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ รับบท ขุนสมบัติบดี 2. ราณี แคมเปน: เกสร 3. พาริส อินทรโกมาลย์สุต: เมธัส หันตระกูล ส่วนคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์ IMDB ที่ 7.7/10 คะแนน ส่วนรายได้จากการฉายประมาณ 300 ล้านบาท (ณ 8 ส.ค. 65)

เรื่องย่อ

ณ บ้านไทยโบราณแห่งหนึ่งในปัจจุบัน ลูกหลานของนายช่างหันแตรนามว่า นายเมธัส หันตระกูล ผู้พยายามดำรงชีวิตด้วยการขายสมบัติประจำตระกูลชิ้นต่าง ๆ ในบ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใดทำให้เขาถูกส่งย้อนเวลากลับไปสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งต้นตระกูลของเขาอย่างนายช่างหันแตรยังมีชีวิตอยู่และนำเรือกลไฟนาม The Express ร่องมาจากสิงคโปร์เพื่อขายให้กับเจ้านายในประเทศไทย ขณะเดียวกันขุนสมบัติบดีมีความฝันแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกค่ำคืน และหลงเหลือไว้เพียงใบหน้าของหญิงงามคนหนึ่งในยามตื่น เขามักวาดใบหน้าของหญิงสาวลงบนผืนกระดาษด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้พบเธอ

ความคิดเห็นของผู้เขียน

ในครั้งแรกผู้เขียนรู้จักละครเรื่องบุพเพสันนิวาสแบบผิวเผิน นักศึกษาหญิงเอกวิชาประวัติศาสตร์ถูกย้อนเวลากลับไปสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอาณาจักรอยุธยาโบราณและพบรักกับเข้าขุนคนหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อได้รับชมละครเรื่องดังล่าวอย่างจริงจังกลับพบหลายสิ่งที่น่าสนใจและหนึ่งในนั้นคือ รายละเอียดทางประวัติศาสตร์ ที่ผู้เขียนพบเห็นได้ทั้งในละครและภาพยนตร์ ยกตัวอย่าง ท่วงท่าในการถ่ายรูปขาวดำที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคต้นรัตนโกสินทร์ ผู้คนต่างยืนตัวตรงและแสดงสีหน้าเรียบเฉย

ซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ส่วนเนื้อหาถูกนำเสนออย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมง และแทบไม่มีจุดไหนที่ลากยาวจนผู้ชมรู้สีกเบื่อหน่าย ผ่านการสลับอารมณ์ของภาพยนตร์ด้วยฉากโรแมนติก ตลกขบขัน หรือเศร้า ซึ่งฉากโรแมนติกถูกทำออกมาได้ชวนจิกหมอนที่สุดด้วยเคมีการแสดงของคู่นักแสดงอย่าง เบลล่า-โป๊ป สุดท้ายอาจต้องปล่อยวางกับเนื้อหาที่ไม่อิงประวัติศาสตร์จริง เพราะเป็นการนำเสนอเพื่อความบันเทิงดังที่ภาพยนตร์เกริ่นไว้ก่อนเริ่ม รีวิวหนังใหม่ รีวิวหนังฝรั่ง รีวิวหนังจีน รีวิวหนังเกาหลี รีวิวหนังไทย

ขอบคุณรูปภาพจาก https://unsplash.com