ก่อนจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มเรื่อง มีโอกาสได้ดูหนังตัวอย่าง 5 นาทีเต็มของ Top Gun: Maverick รู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างมันดูดีทั้งภาพ มุมกล้อง ฉากซ้อมรบที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ ศัพท์แสง เทคนิคในเรื่องดูดีไปหมด และที่สำคัญคือ นักแสดงนำอย่าง ทอม ครูซที่รับบทเป็น นาวาอากาศเอก ปีเตอร์ “Maverick” มิตเชลล์ (ทอม ครูซ) ของเรา ก็ยังดูหล่อเท่ห์ไม่เปลี่ยน
สำหรับเกร็ดเล็กๆน้อยๆของหนังเรื่องนี้ที่อยากจะเล่าบอกก็คือ นักแสดงทุกคนได้ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินรบลำจริง ซึ่งทุกคนต้องผ่านการฝึกอย่างโหดเพื่อจะได้ขึ้นไปบนคอกพิท เพื่อจะไก้ถ่ายฉากในค็อกพิทด้วยตัวเอง ซึ่งจากการที่พวกเค้าทุ่มแรงใจแรงกายขนาดนี้ มันก็ส่งผลให้ผู้ชมได้เห็นภาพที่เจ๋งและสมจริงสมจังมากๆของภาพยนตร์เรื่องนี้
Top Gun: Maverick ในภาคนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากภาคแรกถึง 34 ปี ตัวกับตันประจำเครื่องแทบจะเป็นยุคที่ต้องตกอับ เพราะยุคนี้เครื่องบินแทบจะขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง แทบจะไม่มีความต้องการนักบินอีกต่อไป แต่จุดที่ต่ำสุดนี้เอง นาวาอากาศเอก ปีเตอร์ “Maverick” มิตเชลล์ (แสดงโดย ทอม ครูซ) ก็ได้รับคำสั่งให้กลับไปยัง Top Gun ศูนย์ฝึกดั้งเดิมของเค้า แต่คราวนี้กลับไปในฐานะครูฝึกไม่ใช่เสืออากาศอีกต่อไป เค้าต้องเผชิญหน้ากับเหล่านักบินรุ่นใหม่ที่ฝีมือไม่ธรรมดา และที่พวกเค้ามารวมตัวกันในครั้งนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจที่โหดมากๆ เหมือนกับการคว้าตั๋วบินเที่ยวเดียว คือไปแล้วไม่มีวันกลับ หนทางสำเร็จที่ว่าน้อยแล้ว โอกาสรอดนั้นก็น้อยยิ่งกว่า
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร อดีตวีรบุรุษคนนี้จะยังคงไว้ลวดลายของเขาได้หรือไม่ ? ต้องไปติดตามดู Top Gun: Maverick
สำหรับความรู้สึกหลังดูจนจบ บอกเลยว่า เป็นหนังที่สุดยอดของความมัน หนังดีจนเกินกว่าที่คาดหวังไว้มาก ตัวหนังมีความเป็นอเมริกันจ๋าสุดๆ แต่มาในแนวทหารอเมริกัน มีหลายคนถามว่าต้องย้อนกลับไปดูภาคแรกก่อนไหม? ตอบว่าไม่ต้องย้อนกลับไปดุเลย เรื่องนี้ดูได้สนุกและเข้าใจเหมือนเป็นหนังเรื่องเดียวไม่มีภาค1 ภาค 2 เลย และตัวของหนังไม่ได้เน้นขายของเก่ามากนัก ซึ่งมีบางฉากในระหว่างดู เราก็รู้ว่ามันเป็นภาคในอดีต แต่หนังก็ทำออกมาให้ดูเข้าใจง่าย สำหรับพล็อตเรื่องต้องชื่นชมว่ามีการวางพล็อตในการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี มีแต่เนื้อไม่มีน้ำผสม เราไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของตัวมาริคทั้งหมด แต่ก็รับรู้ได้ว่าเค้าเป็นใครมีสถานนะยังไง และเก่งขนาดไหนก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูหนังเรื่องนี้ สำหรับ Top Gun: Maverick เป็นหนังที่ให้อารมณ์ความรู้สึกของการเป็นทหารในช่วงอายุ 40-50 ปี เก่งระดับเทพ และหัวแข็งไม่ยอมใคร เลยทำให้ยศไม่ค่อยขึ้น ทั้งๆที่อายุมากแล้ว Top Gun: Maverick เป็นหนังการต่อสู้ที่ใช้แนวเทคนิค มีการวางแผนเพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ คิวบู๊เต็มถัง ซัดกันเต็มๆ แต่ในหนังก็มีประเด็นดราม่าที่นำเสนอในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านของอายุ การปล่อยวาง ความต่างระหว่างวัย อีโก้ ซึ่งทั้งหมดนี้คนดูไม่ได้รู้สึกเลยว่าหนังยัดเยียดให้คนดู เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไป สถานะของตัวแสดงที่สอดรับการทั้งหมดนั้นทำให้องค์ประกอบในการเป็นหนังทหารดีมากๆ ซึ่งการรวมตัวของ Top Gun: Maverick ในภาคนี้เป็นการรวมตัวของนักบินที่ขับเครื่องบินที่เก่งที่สุดในประเทศอเมริกา เมื่อมาเจอกันก็เกิดการเขม่นกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยสร้างสีสันให้กับเรื่องเป็นอย่างมาก
ส่วนที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือฉากรบที่เป็นฉากเครื่องบิน ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังต่อสู้ทางเครื่องบินที่ดีที่สุด ก็ต้องย้ำว่ามันสมจริงมากๆ สิ่งที่ดีมากๆของหนังเรื่องนี้คือมีการบอกเล่าในการต่อสู้ เรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่พระเอกมาคนเดียวแล้วขับไล่ยิงฝั่งตรงกันข้ามตกเป็น10ๆลำ อย่างเท่ห์ๆ แต่เป็นหนังเครื่องบินรบที่มีรายละเอียด มีแรงกดดัน มีการเคลื่อนที่เป็นทีม ซึ่งมันดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้สมจริงและเข้าใจได้ง่าย
เอาล่ะรีวิวมากมายแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะไปดูและสัมผัสความรู้สึกกับหนังเรื่องนี้ด้วยตัวคุณเองแล้วล่ะ แล้วคุณจะรู้ว่า”หนังต่อสู้ทางอากาศที่ดีที่สุด” มันมันขนาดไหน ?
หนังเรื่องนี้ทอม ครูซ นอกจากแสดงนำเองแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ TOP GUN: MAVERICK ด้วยตัวเองอีกด้วย