Green Snake อนิเมชั่นที่สานต่อเรื่องราวจาก White Snake

Green Snake อนิเมชั่นที่สานต่อเรื่องราวจาก White Snake

หลายปีมานี้อนิเมชั่นจากจีนเริ่มมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานภาพที่มีความสมจริงขึ้นทุกวัน  แม้เนื้อเรื่องจะวนเวียนอยู่กับเรื่องราวการต่อสู้กำลังภายในหรือตำนานของจีน และสำหรับคนที่เป็นแฟนอนิเมชั่นจีนต้องรู้จักสตูดิโอ“Light Chaser Animation Studios” ผู้รังสรรค์ผลงานอนิเมชั่นน่าสนใจออกมาหลายเรื่องทั้ง “Nezha Reborn กำเนิดนาจา” , “White Snake ตำนานนางพญางูขาว”, “Little Door God”  ซึ่งทางสตูดิโอมีการปล่อยผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดประจำปี 2021 อย่าง “Green Snake” ภาคต่อของตำนานนางพญางูขาวออกมาด้วย 

เรื่องราวโดยย่อของ Green Snake

Green Snake” หรือในชื่อภาษาไทย “นาคามรกต นางพญางูเขียว” เป็นอนิเมชั่นที่เกี่ยวข้องกับ “White Snake” โดยทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องราวของ “เสี่ยวชิง” กับ“เสี่ยวไป๋” ศิษย์ทั้งสองผู้ใช้วิชางูจนได้รับฉายาว่า นางพญางูเขียวกับนางพญางูขาว โดย White Snake จะดำเนินเรื่องด้วยเสี่ยวไป๋ เป็นหลักผ่านการผจญภัยตามฉบับจอมยุทธ์กำลังภายในตามตำนานปีศาจจีน ส่วนใน Green Snake จะเป็นเรื่องราวหลังจากที่เสี่ยวไป๋ถูก“ฝาไห่” ผนึกอยู่ใต้ “เจดีย์ เหลยเฟิง” ตลอดกาล ด้วยความแค้นเสี่ยวชิงศิษย์น้องจึงเข้าสู้กับฝาไห่ 

จนสุดท้ายพ่ายแพ้ถึงแก่ความตาย แต่ดวงจิตสุดท้ายของเธอยังต้องการช่วยเสี่ยวไป๋อยู่ ทำให้เธอถูกส่งไปยัง “นครอสูร” สถานที่รวบรวมคนจากหลายยุคหลากสมัย ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่มายังโลกนี้ ยังมีเหล่าอสูร ปีศาจตามความเชื่อเข้ามาด้วย ซึ่งสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือ ความรู้สึกค้างคาก่อนตาย ในโลกของนครอสูรเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมแสนโหดร้าย แต่ละคนต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อมีชีวิตรอด อีกทั้งในโลกนี้ยังมีภัยพิบัติธรรมชาติคอยกำจัดทุกคนที่ยังเหลือรอด ตัวเสี่ยวชิงเองยังมีสิ่งยึดติดอยู่และต้องออกจากนครอสูรไปให้ได้

เกิดเป็นเรื่องราวการต่อสู้ ค้นหาวิธีออกจากโลกนี้ ด้วยเนื้อเรื่องเข้มข้นบวกกับงานภาพของ Green Snake มีทั้งความสวยงามของฉากและโมเดลตัวละคร พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ดูลื่นไหล ทำให้เรื่องนี้ควรค่าแก่การดูทีเดียว

Green Snake เป็นอนิเมชั่นที่มีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง จะแบ่งองค์ของเรื่องเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ  ส่วนของการต่อสู้เอาชีวิตรอดและส่วนของการหาทางออก ในส่วนของการต่อสู้เอาชีวิตรอดนั้น ถือว่ามีความสนุกและเข้าใจได้ไม่ยากนัก ฉากการต่อสู้มีความรวดเร็ว น่าตื่นเต้น พร้อมลุ้นไปกับการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติต่างๆ ต่างกับอีกส่วนที่เป็นการหาทางออกจะค่อนข้างน่าเบื่อยืดเยื้อ แต่ก็ให้แง่คิดน่าสนใจเกี่ยวกับการปล่อยวางอดีต ต่อสู้กับความโกรธของตัวเองและผลการของยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 

เครดิตภาพ 1 และ 2 จาก www.Netflix.com

เครดิตภาพ 3 จาก  www.imdb.com