Thor: Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี เป็นหนังจากค่ายมาร์เวล ที่หลายคนรอคอย สำหรับ ธอร์ ตัวแอดเวนเจอร์รุ่นแรกที่อยู่มานานที่สุด ในขณะที่คนอื่นๆแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางหมดแล้ว แต่พี่ค้นสายฟ้าเดินมาถึง ภาคที่ 4 แล้ว หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังฮีโร่ที่มีภาคต่อมากที่สุดแล้ว ซึ่งธอร์ก็เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมาเสมอ ด้วยบุคลิกที่ห่ามๆ ดูเชยๆเวลาหยิบจับอะไรก็ดูฮาไปทั้งหมด
ในภาคที่ 4 คุณจะได้เห็นธอร์ที่มีเรื่องหลุดๆ บ๊องๆมากกว่าเดิม เนื้อเรื่องภาคนี้ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแต่มีวายร้ายตัวใหม่ที่เป็นนักฆ่าเทพเจ้า ผู้ที่ถือดาบต้องคำสาบและให้คำสัตย์ว่าจะล้างบางสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า เทพทุกตน และธอร์ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางออกท่องอวกาศ ก็ต้องแยกตัวกลับมาจากกลุ่มเพื่อมากำจัดเจ้าจอมวายร้ายตนนี้ นี่คือพล็อตหลักของธอร์ภาคนี้
หนังเรื่องนี้จะก่อให้เกิดเสียงแตกในการวิจารณ์อย่างแน่นอนทั้งฝั่งที่ชอบ และไม่ชอบ เป็นหนังอีกเรื่องที่รู้สึกได้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่มีน้ำหนักด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งหากจะรีวิวสั้นๆ ธอร์ภาคนี้เป็นหนังที่มีความบันเทิงมากๆ เพราะดูสนุกเต็มไปด้วยสีสัน ความฮา ความเกรียน ความเสียดสี ซึ่งมั่นใจว่าถ้าในโลกใบนี้ยังมีประเทศไวกิ้งอยู่ หนังเรื่องนี้โดนแบนแน่นอน เพราะมุขของเรื่องล้อเลียนได้แสบสันสุดๆ ใครที่จิตอ่อนเจอเจ้าแพะในเรื่องนี้ต้องเก็บเสียงของพวกมันไปฝันอย่างแน่นอน สำหรับตัวร้ายอย่างกอร์ นักฆ่าเทพเจ้านี่น่ากลัวมากๆ เพราะเป็นตัวละครประเภทตัวร้ายแบบวิปลาส เพราะพวกนี้จะมีความคิดผิดแผกไปจากมาตรฐานสังคมปกติแบบเดียวกับโจ๊กเกอร์ ซึ่งก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวตาเป็นประเภทเดียวกัน ซึ่งตัวละครพวกนี้แสดงออกมาได้ยาก ดาราที่ต้องมารับบทต้องเข้าถึงหนังจริงๆ ซึ่ง คริสเตียน เบล ก็สามารถถ่ายทอกความบ้าคลั่งนี้ได้ออกมาอย่าสมบูรณ์แบบ เค้าดูอันตราย เจ้าเล่ห์ และน่าหวาดหวั่น แต่ไม่ไร้เหตุผล ตัวร้ายตัวนี้มีเหตุผลเป้นของตัวเอง กอ์เป็นตัวร้ายที่น่าตื่นตาที่สุดของมาร์เวล ส่วนบทที่นาตาลี คอตแมน มารับบทนั้นก็ทำออกมาได้ดี เพราะเวลาถือค้อนร่ายท่วงท่า เธอดูขึ้นกล้อง มีความน่าเกรงขาม แต่ก็น่ารักและปนทะเล้น สมกับเป็นฮีโร่มือใหม่ และเป็นเรื่องราวระหว่างตัวเธอและธอร์อย่างแท้จริง
การกลับมาพบกันอีกครั้งของทั้งคู่คือแกนหลักของหนังเรื่องนี้ด้วย ธอร์ภาคนี้จึงกลายเป็นหนังรักตามชื่อของมัน” ด้วยรักและอัสนี”
ทั้งหมดที่เล่ามาข้างต้นอาจจะดูแล้วภาค 4 ของธอร์ดีไปหมดทุกอย่าง ทั้งธีมหนัง ความสนุก นักแสดง โปรดักชั่นนี่ไม่ต้องพูดถึง ทุกอย่างสมบูรร์ในหน้าฉาก หนังเรื่องนี้ดูแล้วชอบ สนุกดี แต่ไม่รู้สึกรักหนังเรื่องนี้เลย ทั้งที่องค์ประกอบมันยอดเยี่ยม แล้วอะไรมันหายไป?
ธอร์เป็นหนังที่มุ่งเน้นความสนุกเป็นหลัก นั่นก็คือ สีสัน การเสียดสี และเสียงหัวเราะ ซึ่งก็ไปได้สุด แต่หนังดูเหมือนถูกคุมโทนอย่างมาก ทุกอย่างจึงดูเบา ดูติดตลกไปทั้งหมด ซึ่งหนังฮีโร่เรื่องนี้มันไม่เหมือนกับหนังฮีโร่เรื่องอื่นๆ ถ้าเราเปรียบเทียบธอร์และเพื่อนพ้องว่าเป็นตัวแทนสีสัน อารมณ์ที่สดใส กอร์ก็คือตัวแทนของชีวิตที่ทนทุกข์ที่ก่อตัวจากแรงแค้น ความพยาบาทสุดขั้วหัวใจ แต่หนังไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวร้ายนี้มีน้ำหนักขนาดนั้น ฉากที่ปูเรื่องราวของตัวร้ายทำออกมาได้น้อยจนหน้าใจหาย ทุกอย่างมันดูง่ายดายมากเกินไป
ฉากสู้ของเรียกเต็มไปด้วยสีสันตามแบบฉบับของเรื่อง ดูเผินๆดูสนุก แต่พอดูดีๆมันขาดองค์ประกอบของฉากต่อสู้ที่ดีควรจะมี คือฉากสวยแต่ไม่มันสะใจ แต่สีสันของเรื่องนี้มันก็เสริมความสนุกอย่างตื่นตามหาศาล แต่มันก็ไปกลบส่วนอื่นๆของหนังไปด้วย ธอร์ภาคนี้ดูจะเป็นเรื่องราวเล็กๆที่จะปูไปสู่บางสิ่งค่อนข้างมาก ดังนั้นอย่างไรก็อย่าพลาดที่จะไปดูนะคะสำหรับ Thor: Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี