ยุค 2022 เป็นยุคทองของภาพยนตร์ระทึกขวัญจากเกาหลีใต้ ซึ่งทำออกมาได้ตรงความต้องการ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก และฉายในโรงภาพยนตร์ของไทย หนึ่งในนั้นจะต้องมี The Limit (2022) โดยเป็นภาพยนตร์ที่เนื้อเรื่องดีมาก การถ่ายทอดเนื้อเรื่องดี และควรค่าที่จะมาฉายในโรงภาพยนตร์ไทยอย่างมาก โดยมันจะฉายในวันที่ 31 สิงหาคม แน่นอนว่ามันมีความกดดัน ระทึก สมกับลายเซ็นความเป็นเกาหลีใต้อยู่ในตัว
อะไรบ้างที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรต้องดู
“The Limit (2022)” เป็นหนังระทึกขวัญระทึกขวัญเกี่ยวกับตำรวจที่ปลอมตัวเพื่อตามล่าอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังคดีลักพาตัวที่น่ากลัว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำรวจรักษาความปลอดภัยในชีวิต โซอึน ซึ่งในฐานะเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบรับบทเป็นแม่ของเหยื่อการลักพาตัวต่อเนื่อง ต้องเผชิญกับวิกฤติสุดขั้วในขณะที่ไขคดีลักพาตัวที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา การถ่ายทอดของนักแสดงจะต้องมีการทำการบ้านเข้ามาเสมอ เพื่อให้มีความสมจริงในการถ่ายทอดบทบาท
ในเรื่อง The Limit (2022) จะใช้นักแสดงเกาหลีทั้งหมด โดยมี “อีจองฮยอน” จะแสดงเป็นโซอึน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยเข้ามาแทนที่พ่อแม่ของเหยื่อการลักพาตัว ขณะที่เธอต่อสู้เพื่อไล่ล่าอาชญากร เธอพบว่าตัวเองกำลังจมอยู่กับเกมที่ตึงเครียดและมีเดิมพันสูงกับผู้ลักพาตัว “มุนจองฮี” จะรับบทเป็นฮเยจิน ตัวละครที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัว ในขณะที่ “จินซอยอน” จะรับบทเป็นยอนจู ตัวละครที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเพื่อตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัว “ชเวดุกมุน” จะรับบทเป็นซังชาน นักสืบที่ทำงานร่วมกับโซอึน เพื่อไขคดีในขณะที่ “ปาร์คมยองฮุน” จะเล่นเป็นจุนยอง ซึ่งเป็นตัวละครอีกตัวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แล้วใครจะยับยั้งเหตุการณ์เหล่านี้ออกไป
แรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้
- ในสังคมเกาหลีมีคดีการลักพาตัวเด็กเยอะมาก จึงทำให้มีการระมัดระวังภัยคุกคามที่มากับเด็ก จึงเป็นการสอนพ่อแม่ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในที ทำให้นึกถึงลูกมากขึ้น
- แม้ว่าเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่ปลอดภัย แต่ก็ต้องระมัดระวังอาชญากรรมต่อเนื่อง ในสังคมเกาหลีจะเห็นได้ว่าตำรวจทั้งในเรื่องและชีวิตจริง มีความตึงเครียดสูงมาก
- จากแรงบันดาลใจของเรื่อง เพื่อไม่ให้มีการลักพาตัวเกิดขึ้นกับใคร และจะช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เขากลับมาแบบ “มีชีวิตอยู่” ให้มากที่สุด และในประเทศไทยอยากให้มีช่องทางได้รับชม The Limit (2022) บ้าง และมีโอกาสทำรายได้ในอนาคตมากพอสมควร
- แค่ชื่อมันทำให้รู้สึกถึงความอึดอัด ความกดดัน เพราะรู้สึกถึงความจำกัดในการแก้สถานการณ์ตลอดเวลา เหมือนในเนื้อเรื่อง ที่ต้องการรักษาชีวิตอันละเอียดอ่อนเอาไว้
โอกาสในการเทียบเท่าภาพยนตร์ทำเงินในเรื่องอื่นๆ
จะว่าไป The Limit (2022) ก็มีการสะท้อนภาพของการลักพาตัวในเกาหลีใต้ในชีวิตจริง เพราะมีคดีที่อยู่ในลักษณะนี้เยอะมาก ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ นี่เองอาจจะเป็นแรงบันดาลใจผ่านการป้องกันอันตรายในภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่บ้าง จะว่าไป แค่เนื้อเรื่องก็น่าติดตามแล้ว ถ้าได้นำมาฉายในภาพยนตร์ของไทยจริงๆ มันจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน แต่โปรดักชั่นทั้งหมดไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ในด้านโอกาสการทำเงิน แค่การวางเนื้อเรื่อง โปรดักชั่นทำออกมาได้ระทึก และถ่ายทอดผ่านตัวละครหญิงซึ่งเป็นทั้งนางเอกและแม่ ทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ และฉีกความเป็นสังคมเกาหลีที่เน้นชายเป็นใหญ่ได้ดีมาก ทิศทางการทำเงินจึงมีโอกาสสูงพอๆ กับเรื่อง “Train To Busan” และภาพยนตร์ “Emergency Declaration” มากเลยทีเดียว