Isle of Dog เป็นอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิค Stop-Motion จากค่าย Searchlight Pictures ออกสายในปี 2018 เป็นแนว Science-Fiction, Comedy เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า จู่ๆก็เกิดโรคระบาดที่แพร่เชื้อจากสุนัข เพื่อความปลอดภัยทางรัฐบาลจึงประกาศมาตรการ ส่งสุนัขทุกตัวไปปล่อยทิ้งไว้บนเกาะร้างที่ปราศจากผู้คนและเต็มไปด้วยขยะ
Isle of Dog กับพล็อตแสนประทับใจ
หนัง Isle of Dog เป็นเรื่องราวของเมือง “เมกาซากิ” ที่ “นายกเทศมนตรีโคบายาชิ” (Kobayashi) ได้ออกนโยบายส่งสุนัขทุกตัวในประเทศญี่ปุ่นไปยัง “เกาะขยะ” เพื่อป้องกันอันตรายจากโรคประหลาดร้ายแรง ที่แพร่เชื้อผ่านสุนัข และสุนัขตัวแรกที่ได้รับเกียรตินั้น คือ “สปอตส์” (Spots) สุนัขอารักขาของ “อาตาริ โคบายาชิ” (Atari Koyabashi) หลานชายของนายกเทศมนตรีโคบายาชิ หลังจากเริ่มมาตรการดังกล่าว เวลาได้ผ่านไปถึง 6 เดือน
จนตอนนี้ไม่เหลือสุนัขในเมืองเมกาซากิแล้ว โดยเนื้อเรื่องของ Isle of Dog จะโฟกัสไปที่กลุ่มสุนัขทั้ง 5 ตัว ที่พยายามเอาตัวรอดบนเกาะขยะ ได้แก่ “เร็ก”, “คิง”, “ดุค”, “บอส” และ “ชีฟ” กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามมาบนเกาะนี้ เพื่อตามหาสุนัขแสนรักของเขา ซึ่งการเดินทางร่วมกันระหว่างชายหนุ่มทาสหมาและแก๊งสุนัขทั้ง 5 จะเป็นเช่นไรนั้น สามารถไปติดตามได้ใน Disney Plue ใครที่ดู Isle of Dog อาจจะรู้สึกแปลกๆกับรูปแบบของภาพที่ให้ความรู้สึกในแบบ Stop-Motion แต่ก็รู้สึกไม่เหมือน Stop-Motion นั่น
เป็นเพราะปกติเรามักคุ้นชินกับ Stop-Motion จากโมเดลตัวละครที่มีข้อต่อชัดเจน แต่เรื่องนี้ใช้โมเดลดินน้ำมันปั้น ทำให้ตัวละครมีการเคลื่อนไหวดูสมจริงมาก นอกจากรูปแบบภาพที่เป็นแบบ Stop-Motion แล้ว จุดเด่นอย่างหนึ่งของ Isle of Dog คือ การใส่ความเป็นญี่ปุ่นที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เช่น การใช้ดนตรีประกอบเป็นกลองไทโกะตลอดเรื่อง รวมทั้งการใส่เสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นมาโดยไม่แปลเป็นภาษาไทยเลย แต่จะใช้ตัวละครที่เป็นล่ามแปลให้แทน ทำให้เราอินกับบรรยากาศได้มากขึ้น
Isle of Dog ใช้องค์ประกอบหลักที่ออกมากี่ครั้งก็ได้ความนิยมเสมอ คือ เรื่องเกี่ยวกับสุนัข อย่างที่รู้ดีว่า เรื่องราวของสุนัขนั้น เมื่อนำมาเสนอไม่ว่าจะนำเสนอในรูปแบบไหนก็น่าสนใจ แม้รอบนี้จะนำเสนอในธีมที่ดูโหดร้าย ทั้งเนื้อเรื่องและตัวภาพ แต่สุดท้ายแล้ว นี่ก็เป็นอนิเมชั่นเกี่ยวกับสุนัขอีกเรื่อง ที่คุณจะได้ยิ้มมีความสุขในตอนสุดท้าย ในส่วน Stop-Motion ทำออกมาได้เป็นอย่างดีแทบจะไม่เชื่อเลยว่า เป็น Stop-Motion ทั้งหมด เรียกได้ว่า คืออีกขึ้นหนึ่งของวงการ Stop-Motion เลยก็ว่าได้
เครดิตภาพ 1 จาก www.nytimes.com
เครดิตภาพ 2 จาก www.imdb.com
เครดิตภาพที่ 3 จาก www.onderhond.com
#รีวิวหนังใหม่ #รีวิวหนังฝรั่ง